Samsung Neo QLED 4K: TV ที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตสมาร์ทโฮม

บางครั้งผมก็สงสัยว่า TV กำลังมีพัฒนาการไปถึงขั้นไหน ในยุคสมัยที่หน้าที่ของ TV เปลี่ยนไปตามความต้องการของมนุษย์ที่เติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ

หากถามคนรุ่นปัจจุบันการได้ดูหนังบนหน้าจอใหญ่ๆ คมชัดในบ้านที่แสนอบอุ่น การเล่นเกมบนหน้าจอที่ไม่กระตุกมีหน่วยประมวลผลที่ทันกับเกมใหม่ๆ คงเป็นคำตอบที่ใครๆ ก็ต้องการเป็นพื้นฐาน

แน่นอนว่าเพจสมาร์ทโฮมก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงอีกพัฒนาการของ TV ที่เริ่มจะมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในมุมของการเป็นศูนย์กลางควบคุมอุปกรณ์ IoT ในบ้านและอุปกรณ์สมาร์ทโฮม

[Built-In SmartThings Hub: ศูนย์กลางบ้านสมาร์ทโฮม]

Samsung SmartThings เป็นแพล็ทฟอร์มสมาร์ทโฮมที่หากใครได้ลองใช้จะรู้ว่าทำอะไรได้เยอะมาก การตั้งเงื่อนไขทำได้ละเอียดราวกับเป็นการรวมจุดแข็งลบจุดอ่อนของทุกแพล็ทฟอร์มใหญ่อย่าง Google/Alexa ไว้ในตัว

และด้วยการที่ Samsung Neo QLED 4K TV ฝัง SmartThings Hub ที่รองรับมาตรฐานสมาร์ทโฮมใหม่ Matter (ผ่านสัญญาณ Wi-Fi, Zigbee และ Thread) ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างค่ายภายใต้ Matter ได้หลากหลาย ไม่ปิดกั้นเฉพาะเพียงแบรนด์ Samsung

หรือกรณีไม่รองรับ Matter หากเป็นอุปกรณ์ Zigbee ของบางค่ายหลายๆ ตัวก็สามารถเชื่อมกับ Hub ได้โดยตรง (ทดสอบกับ Tuya, Sonoff) หรือจะทำการลิงค์กับอุปกรณ์ค่ายอื่นผ่าน Cloud Server ของค่ายนั้นก็ทำให้ควบคุมอุปกรณ์ Wi-Fi ต่างค่ายได้เช่นกัน (เช่น eWeLink, Yeelight, Smart Life เป็นต้น) ซึ่งทำให้ Samsung TV กลายเป็นศูนย์กลางบ้านสมาร์ทโฮมอย่างแท้จริง

[สั่ง Scene การออกกำลังกายได้ง่ายๆ และพร้อมรอรับคำสั่งอื่น]
   Scene คือการตั้งค่าอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าให้อยู่ในสถานะที่เหมาะสมกับการทำกิจวัตรนั้นๆ โดยเฉพาะในส่วนของ TV สามารถควบคุมได้ไม่ใช่เพียงแค่เปิดปิด แต่ยังควบคุมถึงการเลือกเปิดแอปบน TV เช่น เปิด YouTube เพื่อออกกำลังกาย เป็นต้น ดังนั้นเราจึงสามารถสร้างบรรยากาศการออกกำลังกายที่เหมาะสมได้ด้วยการควบคุมม่าน ปรับแอร์ แสงสว่างพร้อมเปิดแอป YouTube ได้ด้วยการสั่ง Scene (ด้วยการเลือกจากทีวี พูดเสียง หรือกดบนมือถือ) เพียงคำสั่งเดียว และระหว่างนั้น TV ยังพร้อมรอรับคำสั่งควบคุมอุปกรณ์อื่นๆ หากเราต้องการ

[วิธีการตั้งค่า Scene]
  • โหลดแอป SmartThings เชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์สมาร์ทโฮมผ่าน SmartThings Hub ให้เรียบร้อย
   บนแอป SmartThings เลือก Automations » Create scene ในหัวข้อ Actions เพิ่มการตั้งค่าอุปกรณ์ เช่น เปิดทีวี เปิดแอปที่ต้องการบนทีวี (แอปที่รองรับใน Media Hub) แอร์ (อุณหภูมิ/ความเร็วลมที่เหมาะกับกิจกรรม) ปรับไฟแสงสว่าง เปิดเครื่องทำความชื้น เป็นต้น

[Bixby: ระบบสั่งการด้วยเสียงของ Samsung]
   เราสามารถสั่งงาน TV รวมถึงอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ hub ได้ด้วยคำสั่งเสียงเพียงเรียก Hi Bixby แถมเรียกได้ตลอดเวลาแม้หน้าจอทีวีปิดเช่น เดินเข้าห้อง: สั่งเปิดทีวี / สั่งเปิดหนังบน Netflix / สั่งเร่งเสียง / ควบคุมสมาร์ทโฮมเช่น เปิดเครื่องฟอกอากาศหรือปิดไฟ

   หรือหากใครเบื่อเรียก Bixby จะกดไมโครโฟนและสั่งเลยก็ทำได้ พร้อมรองรับทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยได้อย่างราบรื่น

[AI Energy Mode: ตัวช่วยประหยัดพลังงาน]
   เครื่องใช้ไฟฟ้า Samsung รุ่นใหม่ๆ เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า ตู้เย็น ทีวี โดยเฉพาะอย่างยิ่งแอร์ เมื่อเชื่อมต่อกับแอป SmartThings บนทีวี จะให้เราเปิด AI Energy Mode และสามารถตรวจสอบและควบคุมการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านทีวี เช่น แอร์ที่จะปรับการทำงานของ Compressor ให้ใช้พลังงานน้อยลง แต่ยังให้อุณหภูมิเท่าเดิมตามที่ต้องการ ทั้งยังสามารถดูบันทึกการใช้พลังงานไฟฟ้า รวมไปถึงการแจ้งเตือนในแอป SmartThings บนมือถือ หากเราลืมเปิดแอร์ทิ้งไว้เมื่อสมาชิกในบ้านไม่อยู่ คนที่อยากเรียนรู้เพิ่มเติมสามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://youtu.be/qtka8zmuBlI

[SolarCell Remote: ลืมการเปลี่ยนถ่านไปได้เลย]
   รีโมทนอกจากจะทำออกมามินิมอลปุ่มน้อยแต่ใช้งานง่ายแล้ว สิ่งที่น่าประทับใจคือไม่ต้องเปลี่ยนถ่านเพราะใช้การเก็บเกี่ยวพลังงานจากสิ่งแวดล้อม
1.Solar Cell: เพียงวางคว่ำไว้ รีโมทจะชาร์จไฟด้วยแสง
2.สัญญาณ Wi-Fi: เพียงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มี Wi-Fi รีโมทจะเก็บเกี่ยวพลังงานจากสัญญาณที่ได้รับ
และยังมีช่องชาร์จ USB-C รองรับอีกด้วย

[ดีไซน์ที่ทำให้ลืมไปว่านี่คือ TV]
   ด้วย NeoSlim Design รูปทรงบางและขอบเล็กมาก ลืมความรู้สึกว่าเป็น TV แต่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นกรอบรูปที่แสดงงานศิลปะในห้องส่วนตัว

[ภาพสวยคมชัด 4K เสียงดีระดับ Dolby Atmos®]
• Quantum Matrix Technology: ด้วยการควบคุมแสงที่ละเอียดทั้งในฉากที่มืดที่สุดและสว่างที่สุดโดย Quantum Mini LED ทำให้ภาพคมชัดและดำสนิทในฉากมืด

• Neural Quantum Processor 4K: หน่วยประมวลผลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้แสดงพลังของ 4K ได้อย่างเต็มที่ และยังมี 4K AI Upscaling ที่ปรับปรุงภาพและอัปเกรดภาพโดยอัตโนมัติ

• Anti Reflection: ช่วยลดแสงสะท้อนขณะรับชมภาพด้วยฟิล์มป้องกันแสงสะท้อน

• Dolby Atmos®: ลำโพงรุ่นใหม่ของ Samsung และ Dolby Atmos® สร้างเสียงรอบทิศทางเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเสียงหลายมิติ

[ตัวเลือกขนาดจอ 43”-85”]
▶ Samsung Neo QLED TV 2023 มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 43”-85” แต่สำหรับชาวสมาร์ทโฮม
อย่างเราๆ แล้วจะขาด Built-In SmartThings Hub ไปเสียไม่ได้ ซึ่งมีฝังไว้ตั้งแต่ QLED ปี 2023 รุ่น Q63C ขึ้นไป

Samsung Neo QLED TV 2023: https://omgrefer.com/vsl3c
รุ่น 65” ในรีวิวราคา 67,990 บาท แถมฟรี Soundbar รุ่น HW-S61B/XT มูลค่า 11,990.-(ราคาและโปรโมชั่นเปลี่ยนแปลงได้, ข้อมูลตามวันลงบทความ)

#WOWจัดแบบตัวจบ #NeoQLED #Samsung #InsideSmartHome 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *